top of page
BH1_4700 a.jpg

Chelation Therapy

     การใช้ชีวิตทุกวันนี้ ต้องเผชิญมลพิษต่างๆ มากมาย ซึ่งคงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีสารพิษอยู่รอบตัวเรา เช่น ตะกั่ว ปรอท แคดเมียม อลูมิเนียม สารหนู ซึ่งเรารับเข้าสู่ร่างกายทั้งที่รู้ตัว และไม่รู้ตัวจากหลากหลายที่มา โดยเฉพาะสารพิษโลหะหนักในเครื่องสำอาง ยาย้อมผม วัสดุก่อสร้าง ยารักษาโรค สีผสมอาหาร จาน ชาม หรือแม้แต่อาหารที่ผ่านกระบวนการผลิตหลายขั้นตอน ทำให้เซลล์เกิดการแบ่งตัวผิดปกติ และนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่างๆ ในร่างกายได้น้อยลงร่างกายจึงเสื่อมลงเรื่อยๆ

     สารพิษเป็นสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ทุกคนมีโอกาสได้รับสารพิษ สารพิษบางชนิดจัดเป็นสารก่อมะเร็ง เช่น แคดเมียม สารหนู บางชนิดมีการศึกษาว่าสัมพันธ์กับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น อลูมิเนียม มีผลต่อการเกิดโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์  ตะกั่ว อาจเพิ่มความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ และสมอง รวมถึงโรคกระดูกพรุน ปรอท เพิ่มความเสี่ยงโรคระบบภูมิต้านทาน เช่น โรคภูมิแพ้ ภูมิไวเกิน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ และความเสื่อมของระบบประสาทส่วนกลาง สารพิษเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายล้วนก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ มีการอักเสบเรื้อรัง และความเสื่อมของเซลล์ในระบบต่างๆ ได้ มีผลต่อระบบสืบพันธุ์ และสมดุลของฮอร์โมนเพศ อาจมีผลกับการแสดงออกของยีน ทำให้เกิดภาวะยีนกลายพันธุ์ หนึ่งในต้นเหตุกระบวนการเกิดโรคมะเร็ง การสะสม หรือสัมผัสสารพิษเหล่านี้ในเด็กอาจเพิ่มความสี่ยง เช่น การมีการพัฒนาการล่าช้า สมาธิสั้น และเพิ่มความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ในเด็ก

     คีเลชั่นบำบัด หรือการดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย ศาสตร์ของวงการแพทย์ทางเลือกที่ช่วยทำความสะอาด และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือด ซึ่งเป็นสายธารลำเลียงอาหารไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย ช่วยฟื้นฟู และส่งเสริมให้อวัยวะในร่างกายแข็งแรง พร้อมลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายในอนาคต

     คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)  คือ การบำบัดรักษาผู้ที่มีการสะสมของสารพิษโลหะหนัก ดีท็อกซ์สารเคมี ดีท็อกสารพิษในร่างกาย โดยใช้ตัวยาที่มีคุณสมบัติดูดซับสารพิษ และขจัดออกทางปัสสาวะ (Chelation Agent) ที่มีสารประกอบประเภทกรดอะมิโน ที่เรียกว่า EDTA หรือ DMPS ผสมกับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งเป็นการให้สารน้ำทางหลอดเลือด โดยแพทย์จะพิจารณาจากประวัติ การตรวจร่างกาย อาการ และผลตรวจจากห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล เมื่อสารพิษโลหะหนักถูกขับออกพร้อมปัสสาวะ จึงช่วยลดการคั่งค้างของสารพิษโลหะหนักในร่างกาย อีกทั้งนอกจากสารที่ใช้ดักจับสารพิษแล้ว ยังมีการผสมวิตามิน และแร่ธาตุต่างๆ ด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ปรับสมดุลแก่ร่างกายไปพร้อมๆ กัน

 

Chelation Therapy ช่วยอะไรได้บ้าง?

 

     กำจัดโลหะหนักจากหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เซลล์ต่างๆในร่างกายสามารถฟื้นฟูได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารคีเลทจะดึงแคลเซียมที่เกาะพอกอยู่ตามผนังหลอดเลือดออกมาจากระบบของเสียในเลือด และกระตุ้นให้ร่างกายสร้างแคลเซียมให้กับกระดูกมากขึ้น ส่งให้กระดูกมีความแข็งแรงมากขึ้น (โดยผู้เฉพาะผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน)

    ระหว่างขั้นตอนที่สารคีเลทจะถูกกำจัดออกทางท่อไต สารคีเลทจะช่วยชะลอการฟอร์มตัวของไตรกรีเซอไรด์ มีผลช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้อีกด้วย นอกจากการล้างสารพิษในเลือดยังส่งผลให้ระบบอื่นๆ ทำงานได้ดีขึ้นอีกด้วย เช่น

  • ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น

  • ลดการอักเสบตามบริเวณต่างๆ (เห็นชัดเจนที่สุดคือผิวหนังอักเสบและผิวข้อต่อ)

  • ช่วยฟื้นฟูระบบประสาทสัมผัส การรับรู้รสชาติ การได้ยิน จะดีขึ้น

  • ลดอาการอ่อนเพลียเรื้อรังให้หายไป (เห็นผลเร็วใน 2 ครั้งที่ทำ) 

 

 

ข้อดีของการดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย (Chelation Therapy)

  • ดีท็อกซ์สารพิษในหลอดเลือด

  • ขับโลหะหนักที่ตกค้างในหลอดเลือด

  • ลดอัตราเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจขาดเลือด ความดันโลหิตสูง

  • ทำให้หลอดเลือดสะอาดมีความยืดหยุ่นสามารถไหลเวียนไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆในร่างกาย 

  • ลดโอกาสการเกิดโรคเบาหวาน ความดัน หัวใจ หน้ามืด

  • ลดอาการอักเสบของผิวหนัง

  • ลดการเกิดข้ออักเสบ

  • ลดอาการหอบหืด ภูมิแพ้

  • ส่งผลให้ประสาทการรับรู้ต่างๆ เช่น รสชาติ ภาพ เสียงดีขึ้น

  • บรรเทาอาการเหน็บชา

  • ระบบการทำงานของปอดดีขึ้น

  • ลดโอกาสเกิดมะเร็ง

  • บรรเทาอาการอัลไซเมอร์

  • ฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ

  • ช่วยให้อาการอ่อนเพลียเรื้อรังหมดไป

คุณจุ๋ม Chelation_๒๐๐๘๓๑.jpg
BH1_4663 a.jpg

 

ข้อห้ามข้อควรระวังสำหรับทำดีท็อกซ์สารพิษ (Chelation Therapy)

  • ผู้ที่มีภาวะการทำงานของตับและไตบกพร่อง

  • ผู้ที่ตั้งครรภ์และในนมบุตร

  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างการให้เคมีบำบัดหรือฮอร์โมนบำบัด

 

การปฏิบัติตัวก่อนทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)

  • ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวใดๆ สามารถเข้ารับบริการได้ทันที

 

การปฏิบัติตัวหลังทำดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย (Chelation Therapy)

  • ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 3 ลิตร ในช่วง 3 วันแรกหลังทำคีเลชั่นบำบัด เพื่อเร่งให้สารคีเลทที่จับกับโลหะหนัก ถูกกำจัดออกทางปัสสาวะ

  • ทานอาหารและใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ

 

อาการไม่พึงประสงค์หลังทำคีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)

เนื่องจากสารคีเลทมีการดึงแคลเซียมออกจากระบบไป อาจทำให้มีการอ่อนเพลียในช่วง 1-2 วันแรก แต่อาการดังกล่าวจะหายไปในวันที่ 3 เมื่อร่างกายมีการดึงแคลเซียมจากกระดูกเข้าสู่ระบบดังเดิม

 

bottom of page