เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2021 ที่ผ่านมา คุณหมอหญิง (พญ.ศุภักษณา สิงห์ยะบุศย์ แพทย์ความงามและชะลอวัย แพทย์เฉพาะทางอายุรกรรม) ได้ร่วมออกรายการซื้อเก่ง ทางช่อง Thai PBS ในหัวข้อ "คุณสมบัติของครีมกันแดดแต่ละประเภท ว่าเหมาะกับสภาพผิวรูปแบบไหน รวมถึงวิธีการเลือกซื้อและตรวจสอบคุณภาพของครีมกันแดด"
อาจารย์หมอหญิง "จริงๆ แล้วแสงแดดยังมีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายค่ะ เพราะแสงแดดมีส่วนช่วยสร้างวิตามินดี ระบบกระดูด ผิวพรรณ และระบบภูมิคุ้มกัน แถมยังช่วยป้องกันมะเร็ง แม้ว่าแสงแดดจะมีประโยชน์มากมาย แต่หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะเกิดปัญหากับสุขภาพได้ค่ะ เช่น อาจทำให้เกิดโรคผิวหนัง โรคแพ้แสง โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง และโรคฝ้ากระ ในปัจจุบัน เป็นที่พิศูจน์แน่ชัดแล้วว่าแสงแดดเป็นปัจจุัยสำคัญต่อการเกิดมะเร็งผิวหนัง ทั้งมะเร็งผิวหนังชนิด Nonmelanoma และ Melanoma โดยเฉพาะการเกิดผิวไหม้เกรียมบ่อยๆ ในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งผิวหนัง ผู้ที่มีผิวขาวและไวต่อการไหม้จากแสงแดดได้ง่าย ยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรค"
วิธีป้องกันมะเร็งผิวหนังที่ดี คือหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดเป็นระยะเวลานาน แต่โดยทั่วไปแล้วจะเลี่ยงได้ยาก อย่างไรก็ตามเราสามารถป้องกันได้
หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด โดยเฉพาะในช่วงเวลา 10:00 - 15:00 น. ซึ่งเป็นช่วงที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังมากที่สุด
หมั่นสังเกตความผิดปกติของผิวหนังตนเองอย่างสม่ำเสมอ
กรณีที่ต้องโดนแดดจัดเป็นเวลานาน หรือเป็นโรคแพ้แสงแดด ควรป้องกันโดยกางร่ม สวมหมวกปีกกว้าง ใส่เสื้อแขนยาว และทาครีมกันแดดสม่ำเสมอก่อนออกจากบ้าน ซึ่งจะช่วยในการป้องกันมะเร็งผิวหนัง รวมทั้งยังช่วยบำรุงผิว ทำให้ผิวแลดูอ่อนกว่าวัย ป้องกันการเหี่ยวย่น การเกิดรอยตีนกาป้องกันผิวที่หมองคล้ำ และการเกิดกระ ฝ้าต่างๆได้ด้วย
ปัจจุบันมีครีมกันแดด (Sunscreen) ให้เลือกใช้มากมายหลายยี่ห้อ วันนี้คุณหมอเลยจะมาแนะนำครีมกันแดดให้กับทุกท่านได้ทราบ โดยก่อนอื่นเราจำมาทำความรู้จักครีมกันแดดกันก่อนนะคะ โดยวันนี้เราจะแบ่งชนิดของครีมกันแดด โดยแบ่งคุณลักษณะ ดังนี้ คือแบ่งตามคุณสมบัติ, แบ่งตามผลที่มีต่อสีผิว และแบ่งตามส่วนที่ทา
สำหรับการแบ่งตามคุณสมบัติ สามารถแบ่งได้ ดังนี้
1. ครีมกันแดดชนิดดูดซึมรังสียูวี (Chemical Sunscreen) คือ สารกันแดดในกลุ่มนี้จะทำหน้าที่ป้องกันรังสี UV โดยการดูดซับรังสีไว้ไม่ให้สามารถทะลุผ่านเข้ามาทำอันตรายต่อผิวหนัง แล้วคายออกมาในรูปแบบของความร้อน ตัวอย่าง สารกลุ่มนี้มักจะพบบ่อยเป็น Persol MCX, Oxybenzone และ Avobenzone
ข้อดี
เนื้อบางเบา ทาง่าย อีกทั้งยังใช้ปริมาณน้อยกว่า
มีสารประกอบที่หลากหลาย มีประสิทธิภาพหลายด้าน
ข้อด้อย
ไม่สามารถกันแดดได้ทันที ต้องใช้เวลารอ 20-30 นาที เพื่อให้ครีมเซ็ตตัว
มีโอกาสในการเกิดจุดด่างดำบนใบหน้า และอาจจะทำให้ผิวระคายเคือง
ยิ่งออกแดด ยิ่งต้องทาซ้ำอยู่เสมอและไม่เหมาะกับคนผิวมัน
2. ครีมกันแดดชนิดสะท้อนแสงยูวีกลับไป (Physical Sunscreen) คือ สารกันแดดในกลุ่มนี้จะทำหน้าที่สะท้อนรังสี UV และกระจายรังสี UVA และ UVB รวมถึงสามารถป้องกันผิวหนังเกือบทั้งหมด สังเหตง่ายๆเลยนะคะ ครีมประเภทนี้ส่วนมากจะเป็นสีขาว มีส่วนผสมหลักของ Zince Oxide หรือ Titanium dioxide
ข้อดี
ทาแล้วมีประสิทธิภาพทันที และอยู่ได้นานโดยไม่ต้องทาซ้ำ
เหมาะสำหรับคนที่ผิวแพ้ง่าย ช่วยลดการเกิดสิว
มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ข้อด้อย
หลุดออกง่าย เมื่อถูกเหงื่อหรือน้ำอาจทำให้เหนอะหนะ
มีเนื้อครีมที่หนาทึบ ไม่เหมาะสำหรับการแต่วหน้าทับ
จำเป็นต้องใช้ในปริมาณมาก หากทาไม่ทั่วถึงอาจจะทำให้แสงแดดทะลุ ผ่านเข้าชั้นผิวหนังได้
ขอบคุณภาพจาก: ร้านยาศาลาโอสถ
นอกจากนี้ เราสามารถแบ่งครีมกันแดดตามผลต่อสีผิวได้ เช่น
San Tan เป็นผลิตภัณฑืครีมกันแดดที่หลังการทาแล้ว เนื้อครีมจะซึมเข้าสู่เซลล์ผิวและทำหน้าที่เปลี่ยนสีผิวให้เข่มข้น แต่ไม่อันตรายต่อเซลล์ผิวแต่อย่างใด ซึ่งในยุคนี้ผู้หญิงหลายคนก็นิยมใช้เวลาไปเที่ยวทะเล หรือนอนอาบแดด
Sunscreen เป็นผลิตภัณฑ์ครีมกันแดดที่ทำหน้าที่กรองรีงสี กระจายและสะท้อนไม่ให้รังสีเข้าสู่เซลล์ผิว รวมถึงช่วยในการปรับสมดุลของสีผิวที่หมองคล้ำหลังตากแดด
แบบสุดท้าย คือ การแบ่งครีมกันแดดตามส่วนที่ทา ได้แก่
ครีมกันแดดทาหน้า (Sunshade) จะเป็นครีมที่มีส่วนผสมของซิงค์ออกไซด์ หรือ ไททาเนียมไดออกไซด์ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันรังสี UV ได้ทุกชนิด ใช้สำหรับการทาบริเวณที่บอบบาง ไม่ว่าจะเป็น ใบหน้า หู คอ จมูก ปาก ยกเว้นบริเวณตา
ครีมกันแดดทาตัว (Sunscreen/Sunblock) ครีมประเภทนี้ จะมีส่วนผสมของสารเคมีหลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับ และสะท้อนรังสี UV ซึ่งไม่เหมาะกับการทาบริเวณผิวที่บอบบางอย่างใบหน้า
นอกจากนี้ ครีมกันแดดแต่ละยี่ห้อมีเนื้อครีมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกัน โดยสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ดังนี้
เนื้อโลชั่น หรือ อิลมัลชัน สามารถกระจายตัวได้ดีบนผิวหนัง และเคลือบชั้นผิวได้ดี แต่มีข้อด้อยตรงที่อาจจะทำให้รู้สึกเหนอะหนะ
เนื้อเจล ซึ่งเป็นเนื้อที่สาวๆหลายคนชอบใช้ เพราะมีจุดเด่นในเรื่องความสวยงามของผลิตภัณฑ์ และเนื้อเจล แต่มันจะหลุดง่ายเมื่อโดนน้ำหรือเหงื่อ
สเปรย์ หรือเนื้อแอโรซอล ซึ่งกระจายตัวได้ง่ายบนผิวหนังเป็นวงกว้าง แต่ถ้าหากคุณพ่นไม่สม่ำเสมอก็อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลง เพราะมีช่องว่างให้รังสี UV เข้าสู่ผิว
สำหรับท่านไหนที่อยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม หรืออยากติดตามคุณหมอหญิงให้ความรู้เกี่ยวกับ การเลือกซื้อครีมกันแดดให้เหมาะกับแต่ละสภาพผิว สามารถติดตามได้ที่: YouTube
ขอขอบคุณ Thai PBS ที่ให้เกรียรติหมอ เป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแนะนำประโยชน์และโทษของแสงแดด รวมถึงวิธีป้องกันแสงแดดในครั้งนี้นะคะ
Comments